• 8 พฤษภาคม 2024
  • Thailand

“อรดา” เปิดแผนธุรกิจ ปี’67 เน้นแนวราบ ราคาไม่เกิน 7 ลบ. ตั้งเป้ายอดขาย 400 ลบ.

“อรดา” เปิดแผนธุรกิจ ปี’67 เน้นแนวราบ ราคาไม่เกิน 7 ลบ. ตั้งเป้ายอดขาย 400 ลบ.




“อรดา” เปิดแผนธุรกิจ ปี’67 เน้นแนวราบ ราคาไม่เกิน 7 ลบ. พร้อม Grand Opening GRAND DECO ศาลายา 23-24 มีนาคม 2567 นี้


นางสาววิศรา พรกุล กรรมการ บริษัท อรดา จำกัด ผู้ประกอบการอสังหาริมทรัพย์ในเครือ บมจ.ดีคอนโปรดักส์ (DCON) เปิดเผยถึงแผนการดำเนินธุรกิจว่าในปี 2567 บริษัทฯ จะเน้นและให้ความสำคัญในการพัฒนาที่อยู่อาศัยแนวราบเป็นหลักจับกลุ่มลูกค้าที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยจริงหรือกลุ่ม Real Demand ที่ต้องการหรือมีกำลังซื้อในระดับราคา 2-7 ล้านบาท แต่ละโครงการที่พัฒนาไม่ใหญ่มีมูลค่าไม่เกิน 1,000 ล้านบาท และได้ตั้งงบ 100-200 ล้านบาท สำหรับซื้อที่ดินรองรับแผนการพัฒนาโครงการต่อเนื่อง โดยจะเน้นทำเลชานเมืองหรือปริมณฑล ขนาดที่ดินแต่ละแปลง ประมาณ 20-30 ไร่ ใช้เวลาในการพัฒนาและขายประมาณ 2-3 ปี ขณะที่เป้ายอดขายในปี 2567 ตั้งไว้กว่า 400 ล้านบาท ทั้งนี้ตามแผนตั้งเป้านำบริษัทฯ เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์อีก 3-5 ปี พร้อมที่จะขยายธุรกิจในโครงการต่อๆ ไปยังทำเลอื่นที่มีศักยภาพทั่วประเทศ เพื่อมุ่งมั่นพัฒนาโครงการที่ดีมีคุณภาพในราคาที่เหมาะสมโดยมุ่งสู่การเป็นบริษัทผู้พัฒนาอสังหาฯ ชั้นนำ และมีการเจริญเติบโตที่ยั่งยืนในประเทศไทย “ปัจจุบันที่เราเน้นทำเลชานเมืองและปริมณฑล เพราะเล็งเห็นถึงการเติบโต และการขยายตัวของผู้บริโภคจากภายในเมืองใหญ่ ขยายออกมาถึงปริมณฑล โดยเน้นทำเลที่เดินทางที่สะดวก สามารถไปทำงาน และไปโรงเรียนลูกได้สะดวก” นางสาววิศรา กล่าว











ลุยเปิดโครงการใหม่-ขายต่อโครงการเก่า ผ่านกลยุทธ์การตลาดแบบใหม่-เก่าผสมผสาน เจาะลูกค้าเป้าหมายกลุ่ม Real Demand  พร้อมกับระบุว่า บริษัทฯ มีแผนที่จะเปิดตัวโครงการใหม่ในปีนี้ 2 โครงการเป็นแนวราบ คือโครงการบ้านเดี่ยว GRAND DECO นครปฐม ใกล้กับศูนย์ราชการใหม่ บนเนื้อที่ประมาณ 33 ไร่เศษ ซึ่งอยู่ในระหว่างการก่อสร้าง คาดว่าจะเปิดตัวไตรมาส 2 ของปีนี้ มูลค่าถึง 780 ล้านบาท และอีก 1 โครงการที่เหลือ จะอยู่โซน จ.ปทุมธานี มูลค่าโครงการ 750 ล้านบาท เปิดตัวเร็วๆ นี้เช่นกัน ทำให้ในปีนี้บริษัทฯ มีโครงการที่พัฒนาทั้งโครงการเปิดใหม่ และโครงการที่เปิดในปีที่ผ่านๆ มารวมแล้ว 5 โครงการ (โครงการใหม่ 2 โครงการ และโครงการที่ขายต่อเนื่อง 3 โครงการ) มูลค่าโครงการรวมทั้งสิ้น 4,000 กว่าล้านบาท เพื่อรองรับกับการแข่งขันของตลาดที่อยู่อาศัยในปี 2567



บริษัทฯ ได้วางกลยุทธ์การตลาดเชิงรุก เพื่อกระตุ้นกำลังซื้อ และเข้าถึงกลุ่มลูกค้าเป้าหมายที่ต้องการซื้อที่อยู่อาศัยจริงหรือกลุ่ม Real Demand มากขึ้นในแบบผสมผสานทั้งการตลาดรูปแบบใหม่ และแบบเก่า หรือแบบดั้งเดิม อาทิ ใช้ Influencer สัตว์เลี้ยง/ อสังหาฯ/Lifestyle ใน Tiktok มาทำคลิปยิงโฆษณาตาม Channel ต่างๆ เช่น Tiktok และ Facebook เพื่อเก็บ Leads อีกทั้ง ป้าย Billboard  ป้ายข้างทาง รถแห่ โดยเน้นคลิปสั้นไม่เกิน 1 นาที มากขึ้นทั้งนี้ เพราะปัจจุบันคนเล่น Tiktok, Youtube Shorts กันมากขึ้น นอกจากนี้ยังมีการจัดอีเว้นท์ ออกแคมเปญ และโปรโมชั่นที่แปลกใหม่เพื่อดึงดูดลูกค้า นอกจากจะส่งเสริมการขายแล้วจะต้องเพิ่มมูลค่าให้โครงการได้ด้วย แตกต่าง-ดีไซน์เด่น-ฟังก์ชันครบ-ตอบโจทย์การอยู่อาศัย สำหรับ 3 โครงการที่อยู่อาศัยที่เปิดไปปีก่อนๆ ยังพัฒนาและขายต่อเนื่องนั้น แบ่งเป็นคอนโดมิเนียม 1 โครงการ และเป็นแนวราบ 2 โครงการ ซึ่งถึงแม้ในแต่ละโครงการจะมีจุดเด่นที่แตกต่างกัน แต่ทุกโครงการบริษัทฯ จะเน้น “สร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง ทั้งคอนเซ็ปต์โครงการ ดีไซน์แบบบ้านโดดเด่น ฟังก์ชันใช้สอยครบ ตอบโจทย์การอยู่อาศัย” โดยทั้ง 3 โครงการประกอบด้วย ดังนี้  โครงการ Dcon prime รัตนาธิเบศร์ มูลค่าโครงการ 1,400 ล้านบาท , โครงการ THE DECO บางนา มูลค่าโครงการ 930 ล้านบาท , โครงการ GRAND DECO ศาลายา มูลค่าโครงการ 810 ล้านบาท











สำหรับกลุ่มลูกค้าเป้าหมายของโครงการ GRAND DECO ศาลายา นอกจากจะเจาะตลาดในกลุ่มของคนวัยทำงานแล้วยังเอื้อต่อผู้ที่รักสัตว์เลี้ยง และผู้สูงอายุ ด้วยสไตล์การออกแบบบ้านที่ไม่เหมือนใครในโซนนี้ ทั้งทำเลที่ตั้งโครงการ การบริการ และความคุ้มค่าของราคา ทำให้ได้รับผลตอบรับจากลูกค้าผู้บริโภค เห็นได้จากการเปิดตัวโครงการนี้เมื่อปลายปีที่ผ่านมา ผลตอบรับค่อนข้างดี จากยอดเปิดขายเฟสแรก ถึง 50% และมีแนวโน้ม เพิ่มขึ้นเรื่อยๆ ในปี 2567 นี้  “อรดา พยายามสร้างความแตกต่าง เพื่อเพิ่มมูลค่าให้กับโครงการ เช่น ดีไซน์ของแบบบ้านที่โดดเด่น และโซนสัตว์เลี้ยง ทำให้ลูกค้า มีทางเลือกในการตัดสินใจมากขึ้น” นางสาววิศรา กล่าว พร้อมกับยอมรับว่า ตลาดที่อยู่อาศัยในย่านศาลายามีการแข่งขันค่อนข้างสูงจากคู่แข่งที่จำนวนมาก เพราะศาลายาถือเป็นพื้นที่ไม่ไกลจากเมืองยังสามารถเดินทางเข้า-ออกเมืองได้อย่าง สะดวก มีทั้งทางด่วน ห้างสรรพสินค้า ใกล้โรงพยาบาล สถานที่ราชการต่างๆ ในอนาคตจะมีโครงการ รถไฟฟ้าส่วนต่อขยายสายสีแดงอ่อน จากสถานีตลิ่งชันมาถึงศาลายา และมีมอร์เตอร์เวย์ M81 บางใหญ่-กาญจนบุรี ด้วยความหนาแน่นภายในเมือง ทำให้คนเริ่มมองหาที่อยู่อาศัยเพื่อขยับขยายออกมาชานเมือง และปริมณฑลมากขึ้น ถือว่าโซนนี้ เป็นอันดับต้นๆ เลยก็ว่าได้ สังเกตได้จาก Developer เจ้าอื่นๆ ที่มาลงทุนในย่านนี้จำนวนมาก ทำให้การแข่งขันสูงทั้งในเรื่องของราคา และโปรโมชั่น แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อมั่นว่า “ศาลายา คือทำเลทอง” ที่น่าจับตามองมากในย่านนี้ผู้บริโภคมีความต้องการที่อยู่อาศัยทั้งบ้านเดี่ยว และบ้านแฝดเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเหมาะแก่การลงทุนพัฒนาโครงการเพื่อรองรับความต้องการของตลาดที่เพิ่มขึ้น




พร้อมกันนี้ นางสาววิศรา ยังกล่าวย้ำในตอนท้ายว่า ด้วยจุดเด่นของทำเลที่ตั้งโครงการ GRAND DECO ศาลายา ประกอบกับ รูปแบบการพัฒนาเป็นบ้านแฝด และบ้านเดี่ยว ที่ตอบโจทย์ผู้อยู่อาศัยแถวศาลายา พุทธมณฑล ใกล้ศูนย์การแพทย์กาญจนาภิเษก ใกล้มหาวิทยาลัยมหิดล และใกล้ห้างเซ็นทรัลพลาซ่า ศาลายา ที่เปิดตัว เหมือนเป็นการตอกย้ำว่าเป็นพื้นที่ทำเลศักยภาพที่เตรียมพัฒนาในอนาคตแน่นอน  อีกทั้งยังเข้า-ออกเมืองได้ง่าย เพียงแค่ใช้เส้นถนนบรมราชชนนี หรือทางพิเศษกาญจนาภิเษก ซึ่งในอนาคตตามแผนการพัฒนาของภาครัฐ จะมีโครงการรถไฟฟ้าสายสีแดงอ่อน ตลิ่งชัน-ศาลายา ผ่าน ทำให้การเดินทางสะดวกยิ่งขึ้นไปอีก โดยโครงการเน้นจุดเด่น มีโซนสัตว์เลี้ยงสำหรับทาสหมาแมว จำนวนยูนิตต่อซอยน้อย เพียงแค่ 6 หลัง เท่านั้น และตัวบ้านดีไซน์ใหม่ที่โดดเด่น