• 13 มิถุนายน 2025
  • Thailand

“เรนวูด ปาร์ค” โครงการมิกซ์ยูสเมกะโปรเจกต์ มูลค่าโครงการ 30,000 ลบ.

“เรนวูด ปาร์ค” โครงการมิกซ์ยูสเมกะโปรเจกต์ มูลค่าโครงการ 30,000 ลบ.




“เรนวูด ปาร์ค” โครงการมิกซ์ยูสเมกะโปรเจกต์ มูลค่าโครงการ 30,000 ลบ. พัฒนาโมเดลเมืองรับมือวิกฤตด้วยนวัตกรรมการอยู่อาศัยแห่งอนาคต



นางสาววรพนิต รวยรุ่งเรือง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เรนวูด กรุ๊ป เปิดเผยว่า เรนวูด ปาร์ค ถูกนิยามให้เป็นมากกว่าคำว่าบ้าน เพราะจุดประสงค์ในการพัฒนานั้นต้องการส่งมอบ ‘คุณภาพชีวิตที่ดีในทุกมิติ และดูแลทุกรายละเอียดให้เหมือนกับบ้านที่เราอยู่เอง’ ด้วยการลงทุนกับโครงสร้างพื้นฐานที่แข็งแรงให้แล้วเสร็จก่อนเริ่มเปิดตัวอย่างเป็นทางการ เริ่มจากหัวใจของโครงการคือพื้นที่สีเขียวขนาดใหญ่ ระบบพลังงานสะอาด บริการหลังการขายแบบ One-Stop Service รวมถึงระบบบริหารจัดการที่เป็นผู้ดูแลเอง 100% เพื่อให้มั่นใจว่าลูกบ้านจะได้รับคุณภาพชีวิตที่ดีที่สุดในทุกวัน ภายใต้ภารกิจในฐานะผู้ออกแบบวิถีชีวิตที่ตอบโจทย์ผู้คนหลากหลายเจเนอเรชัน หลากหลายเชื้อชาติและวัฒนธรรม ควบคู่ไปกับการส่งต่อประโยชน์คืนสู่ชุมชนโดยรอบ ผ่านการสร้างงาน การยกระดับมูลค่าของพื้นที่ และการเปิดพื้นที่บางส่วนให้เป็นสาธารณะสำหรับทุกคนได้มีส่วนร่วม เพราะตระหนักดีว่านอกจากโครงสร้างของบ้านแล้ว  เราให้ความสำคัญกับคุณภาพของเพื่อนบ้าน สภาพแวดล้อม และการดูแลระยะยาว การคัดเลือกผู้อยู่อาศัยอย่างตั้งใจ เพื่อสร้างชุมชนคุณภาพที่อยู่ร่วมกันได้อย่างกลมกลืน และสามารถเข้าถึงคุณภาพชีวิตที่ดีได้อย่างเป็นรูปธรรม















“หลังสถานการณ์ COVID-19 เราได้เรียนรู้ว่าผู้คนให้ความสำคัญกับความปลอดภัย ความสงบ และความมั่นคงในชีวิตเพิ่มขึ้นกว่าในอดีตที่ผ่านมา เรนวูด ปาร์ค จึงถูกออกแบบให้เป็นเมืองที่พร้อมรับมือต่อความเปลี่ยนแปลง ตั้งแต่โครงสร้างอาคารที่ทนแรงสั่นสะเทือนได้สูงกว่ามาตรฐานกำหนด ไปจนถึงระบบบริการมาตรฐานโรงแรมที่ทำให้ชีวิตประจำวันราบรื่นหมดความกังวล แม้ในวันที่โลกภายนอกจะไม่แน่นอน แต่ที่ เรนวูด ปาร์ค จะยังคงเป็นพื้นที่ที่มอบความรู้สึกอุ่นใจและพร้อมสำหรับอนาคตอยู่เสมอ” นางสาววรพนิต กล่าว












จากบ้านสู่วิถีชีวิตที่คิดมาเพื่ออนาคต เรนวูด ปาร์ค จึงเน้นการวางรากฐานให้แข็งแรง เพื่อรองรับคุณภาพชีวิตในระยะยาว โดยมุ่งเน้นการสร้างคอมมูนิตี้ที่สามารถเป็นศูนย์กลางของทุกคนในครอบครัว  รังสรรพื้นที่แห่งการใช้ชีวิตร่วมกันอย่างมีคุณค่าภายใต้แนวคิด Inclusive Community ชุมชนที่ออกแบบและพัฒนาโดยคำนึงถึงความหลากหลายของผู้คน และขยายขอบข่ายไปถึงชุมชนรอบข้าง ด้านการจ้างงาน หรือการเปิดพื้นที่สาธารณะในอนาคต “บ้านที่ดี ต้องมีเพื่อนบ้านที่ใช่ เพื่อสร้างคุณภาพชีวิตที่ดีร่วมกัน เรนวูด ปาร์ค จึงให้ความสำคัญกับ “เพื่อนบ้าน” และ “สภาพแวดล้อม” เป็นสำคัญ พร้อมทั้งเพิ่มโอกาสสำหรับคนทุกกลุ่มได้เข้าถึงคุณภาพชีวิตที่ดีมากยิ่งขึ้น วันนี้พูดได้เลยว่า เรนวูด ปาร์ค พร้อมรับมือกับทุกความท้าทายอย่างมีวิสัยทัศน์ แม้ในวันที่โลกไม่แน่นอน พร้อม After-Sales Service ที่ดูแลแบบ Proactive มีระบบแจ้งเตือนความปลอดภัย และสื่อสารกับผู้อยู่อาศัยอย่างทันเหตุการณ์ พื้นที่แห่งการใช้ชีวิตที่ไม่ต้องไปไกลถึงต่างประเทศ เปรียบโครงการเสมือน First-Class Destination ที่ให้ความรู้สึกเหมือนได้พักผ่อนและมีความสุขในทุก ๆ วัน ไม่จำเป็นต้องใช้ชีวิตแบบเร่งรีบ”  นางสาววรพนิต กล่าวเสริม







รศ.ดร. โชติชัย เจริญงาม ผู้อำนวยการพัฒนาโครงการ เรนวูด ปาร์ค กล่าวว่า เรนวูด ปาร์ค เริ่มต้นจากการออกแบบระบบชีวิตและโครงสร้างพื้นฐานของเมืองในอนาคต โดยได้ศึกษาปัจจัยด้านภูมิประเทศ ภูมิอากาศ สภาพดิน น้ำ ลม และไฟ เพื่อประเมินความเสี่ยงทั้งในปัจจุบันและระยะยาว อาทิ น้ำท่วม แผ่นดินไหว ไปจนถึงคุณภาพอากาศ และนำข้อมูลที่ได้เหล่านี้มาออกแบบระบบให้พร้อมรับมือกับความเปลี่ยนแปลงในอนาคตข้างหน้า  ในเชิงวิศวกรรม เรนวูด ปาร์ค ใช้มาตรฐานขั้นสูงสุดในการวางระบบสาธารณูปโภค ไม่ว่าจะเป็นการเลือกใช้เสาเข็มยาวรองรับพื้นที่ที่มีกายภาพของดินที่อ่อน ระบบบำบัดน้ำเสียที่ครอบคลุมทุกจุด ระบบผลิตน้ำสะอาดสำรอง บ่อกักเก็บน้ำขนาดใหญ่ ไปจนถึงระบบพลังงานแสงอาทิตย์แบบ Floating Solar ขนาดกว่า 2 เมกะวัตต์ที่สามารถจ่ายไฟฟ้าให้โครงการได้อย่างเพียงพอหากเกิดสถานการณ์ไม่คาดฝัน โดยระบบสาธารณูปโภคเหล่านี้สามารถทำให้ เรนวูด ปาร์ค ดำรงอยู่ได้ด้วยตนเองในภาวะฉุกเฉินเสมือนเมืองอิสระที่มีความมั่นคงในตัวเองอย่างสมบูรณ์แบบ





“สิ่งที่เราเรียนรู้จากเหตุการณ์แผ่นดินไหวครั้งล่าสุด เป็นการยืนยันว่าหลักการออกแบบที่เราวางไว้ตั้งแต่ต้นนั้นถูกต้องและแข็งแกร่ง เพราะเราใช้มาตรฐาน SDGs เป็นแนวทางหลักในการสร้างโครงการแห่งนี้ตั้งแต่ต้น ทั้งด้านสิ่งแวดล้อม ความมั่นคงทางโครงสร้าง คุณภาพชีวิต ความหลากหลายทางชีวภาพ และความสามารถในการฟื้นตัว เราไม่ได้รอให้เกิดปัญหาแล้วค่อยแก้ แต่เราวางระบบที่สามารถรองรับปัญหาเหล่านั้นไว้ล่วงหน้าแล้ว” รศ.ดร. โชติชัย กล่าวถึงศักยภาพของโครงการในการรับมือต่อความเสี่ยงต่างๆ ที่อาจเกิดขึ้น




“เรนวูด ปาร์ค ยังให้ความสำคัญกับการเติบโตของชุมชนรอบโครงการ ทั้งในแง่การจ้างงาน การยกระดับเศรษฐกิจท้องถิ่น และการช่วยเหลือชุมชนในยามเกิดภัยพิบัติ เช่น การส่งกำลังคน ระบบสูบน้ำ หรือการใช้ทรัพยากรของโครงการช่วยสนับสนุนภายนอก ที่สำคัญเรายังได้ร่วมมือกับทั้งหน่วยงานภายในประเทศและระดับนานาชาติ ทั้งภาครัฐ เช่น การไฟฟ้า การประปา และกรมโยธา เพื่อยกระดับระบบบริการในพื้นที่ รวมถึงความร่วมมือกับองค์กรระดับโลก ทั้งจากประเทศอังกฤษ จีน และสิงคโปร์ ในด้านสนามกอล์ฟ เทคโนโลยี การบริหารจัดการ และการให้บริการ เช่น Wentworth Golf Club  , Four Seasons Hotel London At Tower Bridge , Reignwood Pine Valley Hotel เป็นต้น ที่ถ่ายทอดองค์ความรู้มายังโครงการนี้โดยตรง เพื่อตอกย้ำถึงคุณภาพความพิถีพิถันให้ เรนวูด ปาร์ค เป็นชุมชนที่มีมาตรฐานระดับโลก และยังคงรักษาเสน่ห์ของความอ่อนโยนแบบไทยไว้อย่างครบถ้วน”













ทั้งนี้ “เรนวูด ปาร์ค” ยังได้รับการพัฒนาสู่ต้นแบบเมืองแห่งอนาคตที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม ชุมชน และคุณภาพชีวิตทุกเจเนอเรชันอย่างเป็นรูปธรรม ด้วยการพัฒนาบนพื้นที่รวมกว่า 2,000 ไร่ ตอกย้ำวิสัยทัศน์การพัฒนาอสังหาริมทรัพย์แห่งอนาคต ด้วยแนวทางการออกแบบที่ผสานแนวคิดด้าน ESG (Environmental, Social and Governance) อย่างสมดุล ครอบคลุมตั้งแต่การจัดการสิ่งแวดล้อม ความเป็นอยู่ของผู้อยู่อาศัย ไปจนถึงการสร้างประโยชน์แก่ชุมชนโดยรอบ  ภายในโครงการถูกออกแบบให้มีพื้นที่สีเขียวมากถึง 700 ไร่ หรือคิดเป็น 35% ของพื้นที่ทั้งหมด พร้อมต้นไม้ขนาดใหญ่กว่า 10,000 ต้นที่ช่วยปรับปรุงคุณภาพอากาศ เสริมความร่มรื่น และฟื้นฟูระบบนิเวศให้มีความหลากหลายทางชีวภาพมากยิ่งขึ้น อาทิ การเป็นแหล่งอาศัยของนกนานาชนิด ขณะที่ระบบแหล่งน้ำขนาดใหญ่ เช่น “Heart Lake” พื้นที่กว่า 57 ไร่ และบึงโดยรอบสนามกอล์ฟอีก 89 ไร่ ได้ถูกวางระบบหมุนเวียนน้ำภายในโครงการอย่างมีประสิทธิภาพ โดยไม่ปล่อยน้ำเสียสู่ภายนอก พร้อมติดตั้งเครื่องเติมอากาศ 28 เครื่อง เพื่อรักษาคุณภาพน้ำให้สามารถนำกลับมาใช้ใหม่ได้อย่างยั่งยืน ตลอดจนมุ่งลดการใช้พลังงานจากเชื้อเพลิงฟอสซิล ด้วยการติดตั้งระบบ Solar Floating ในบ่อรูปหัวใจ ซึ่งสามารถผลิตไฟฟ้าได้ถึง 2 เมกะวัตต์ เสริมด้วย Solar Cell อีก 16 จุดทั่วพื้นที่ ซึ่งสามารถผลิตกระแสไฟฟ้าได้ประมาณ 400 กิโลวัตต์ รวมถึงสถานีชาร์จรถยนต์ไฟฟ้าจำนวน 2 สถานี (รวม 6 หัวจ่าย) รองรับวิถีชีวิตที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งในปี 2568 (ช่วงมกราคม–พฤษภาคม) โครงการสามารถลดค่าไฟฟ้าลงได้กว่า 5 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันในปีก่อน