• 20 สิงหาคม 2025
  • Thailand

“ธุรกิจรับสร้างบ้าน” คาดตลาดบ้านสร้างเองครึ่งปีแรก68 ลดลงกว่า 10%

“ธุรกิจรับสร้างบ้าน”  คาดตลาดบ้านสร้างเองครึ่งปีแรก68 ลดลงกว่า 10%




“ธุรกิจรับสร้างบ้าน”  คาดตลาดบ้านสร้างเองครึ่งปีแรก68 ลดลงกว่า 10%  บ้านราคา 20 ลบ. ขึ้นไปได้รับความนิยมสูงสุด



นายอนันต์กร อมรวาที นายกสมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน เปิดเผยว่า สถานการณ์ตลาดบ้านสร้างเองช่วงครึ่งปีแรก 2568 มีมูลค่า 96,000 ล้านบาท แบ่งเป็นกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีมูลค่าสูงสุด อันดับ 1 คือ 19,200 ล้านบาท คิดเป็น 20% และต่างจังหวัด มูลค่า 76,800 ล้านบาท คิดเป็น 80% อันดับ 2 คือภาคใต้ มูลค่า 18,240 ล้านบาท คิดเป็น 19% อันดับ 3 คือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มูลค่า 16,320 ล้านบาท คิดเป็น 17% อันดับ 4 ภาคเหนือและภาคตะวันออก มีมูลค่าเท่ากันที่ 15,360 ล้านบาท คิดเป็น 16% และตามด้วยภาคตะวันตก มูลค่า 7,680 ล้านบาท คิดเป็น 8% และภาคกลาง มูลค่า 3,840 ล้านบาท คิดเป็น 4% ตามลำดับ จากตัวเลขข้างต้นชี้ให้เห็นว่ามูลค่าตลาดบ้านสร้างเองช่วงครึ่งปีแรก 2568 ลดลงกว่า 10% เมื่อเทียบกับครึ่งปีแรก 2567 ที่มีมูลค่า 107,000 ล้านบาท โดยกรุงเทพฯ และปริมณฑล ยังคงครองสัดส่วนอันดับ 1 อยู่ถึงแม้ว่ามูลค่าจะลดลง 5%  ส่วนสัดส่วนแบ่งตามระดับราคาบ้าน (Segment) ซึ่งมีการเก็บข้อมูลจากยอดเซ็นสัญญาของสมาชิกสมาคมฯ มีดังนี้ อันดับ 1 ราคา 10 – 20 ล้านบาท คิดเป็น 26% อันดับ 2 ราคา 2.5 – 5 ล้านบาท คิดเป็น 25% อันดับ 3 ราคา 5 – 10 ล้านบาท คิดเป็น 23% อันดับ 4 ราคา 20 ล้านบาทขึ้นไป คิดเป็น 20% และอันดับสุดท้าย คือราคาต่ำกว่า 2.5 ล้านบาท คิดเป็น 6% จะเห็นได้ว่า กลุ่มลูกค้าหลักของสมาชิกสมาคมฯ ยังคงเป็นกลุ่มเดิมที่ราคามากกว่า 5 ล้านบาท คิดเป็น 70%












ขณะที่มูลค่ารวมของตลาดบ้านสร้างเองในปี 2567 มีมูลค่า 211,000 ล้านบาท โดยช่วงครึ่งปีแรก 2567 ตลาดบ้านสร้างเองมีมูลค่า 107,000 ล้านบาท แบ่งเป็นกรุงเทพฯ และปริมณฑล มีมูลค่าสูงสุด อันดับ 1 คือ 26,750 ล้านบาท คิดเป็น 25% และต่างจังหวัด มูลค่า 80,250 ล้านบาท คิดเป็น 75% อันดับ 2 คือภาคตะวันออกเฉียงเหนือ มูลค่า 21,000 ล้านบาท คิดเป็น 20% อันดับ 3 คือภาคใต้และภาคเหนือ มีมูลค่าเท่ากันที่ 17,120 ล้านบาท คิดเป็น 16% ตามด้วยภาคตะวันออก มูลค่า 12,840 ล้านบาท คิดเป็น 12% ภาคตะวันตก มูลค่า 7,490 ล้านบาท คิดเป็น 7% และภาคกลาง มูลค่า 4,280 ล้านบาท คิดเป็น 4%   ส่วนสัดส่วนแบ่งตามระดับราคาบ้าน (Segment) ซึ่งมีการเก็บข้อมูลจากยอดเซ็นสัญญาของสมาชิกสมาคมฯ ช่วงครึ่งปีแรก 2567 มีสัดส่วน ดังนี้ อันดับ 1 ราคา 20 ล้านบาทขึ้นไป คิดเป็น 33% อันดับ 2 ราคา 10 – 20 ล้านบาท คิดเป็น 25% อันดับ 3 ราคา 5 – 10 ล้านบาท คิดเป็น 20% อันดับ 4 ราคา 2.5 – 5 ล้านบาท คิดเป็น 17% และอันดับสุดท้าย คือราคาต่ำกว่า 2.5 ล้านบาท คิดเป็น 5%








นายอนันต์กร กล่าวถึง แนวโน้มครึ่งปีหลัง 2568 ว่า ตลาดรับสร้างบ้านเริ่มปรับเข้าสู่ภาวะฟื้นตัวจากที่ติดลบ 15% ในไตรมาสแรกสู่การติดลบลดลงเหลือ 10% ในไตรมาสที่ 2 ซึ่งเป็นบวกจากการจัดกิจกรรมกระตุ้นกำลังซื้อผ่านอีเวนต์แรกของปีนี้ คืองาน “รับสร้างบ้าน FOCUS 2025” เมื่อ 12 – 16 มีนาคม 2568 ที่ผ่านมา  ตลาดรับสร้างบ้านครึ่งปีหลัง 2568 จะยังเติบโตต่อไปได้ เพราะไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร บ้านยังคงเป็นปัจจัย 4 ที่สำคัญ และเป็นเรียลดีมานด์ ซึ่งการที่ผู้บริโภคได้มาชมงานรับสร้างบ้านและวัสดุ EXPO 2025 ถือเป็นโอกาสที่ดีของผู้บริโภคที่กำลังวางแผนสร้างบ้าน พร้อมพูดคุยกับผู้เชี่ยวชาญจากหลายบริษัท ผู้บริโภคจะมั่นใจได้ว่าบ้านที่กำลังวางแผนสร้างว่าเสร็จตามที่ตั้งใจและมีมาตรฐานก่อสร้างที่เชื่อถือได้











นายปริญญา ธนินถิรากุล อุปนายกฝ่ายกิจกรรมพิเศษ สมาคมธุรกิจรับสร้างบ้าน กล่าวว่า สมาคมฯ มีความพร้อมเป็นอย่างมากสำหรับแผนการส่งเสริมการตลาดในช่วงครึ่งปีหลัง 2568 โดยเฉพาะงานใหญ่ประจำปี “รับสร้างบ้านและวัสดุ EXPO 2025” ซึ่งปีนี้มาในคอนเซ็ปต์ “สร้าง – อยู่ – ดี”  โดย “สร้าง” เป็นการย้ำถึงการให้ความสำคัญกับการสร้างกับนักสร้างบ้านมืออาชีพ “อยู่” เป็นการอยู่อาศัยในแบบบ้านที่ตรงตามสไตล์ที่ตัวเองชื่นชอบ และ “ดี” สะท้อนความความรู้สึกที่ดีของผู้บริโภคในการใช้บริการที่ครบวงจรจากบริษัทรับสร้างบ้านที่เป็นสมาชิกของสมาคมฯ